
ฐานยิงสนับสนุนอิทธิ
จาก การต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ใน พท. กองทัพภาคที่ 3 บริเวณรอยต่อ 3 จังหวัด พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย มีประวัติการสู้รบมากกว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี 2511 ฝ่ายรัฐบาลสูญเสียกำลังพล และยุทโธปกรณ์จำนวนมากเพื่อล้มล้างอิทธิพล ผกค. ในพื้นที่ปี 2524 พตท. 1617 ซึ่งมีหน้าที่ต่อสู้เอาชนะ ผกค. ในเขตพื้นที่เขาค้อได้เปิดยุทการ "ผา เมืองเผด็จศึก 1" เพื่อยึดและขับไล่ ผกค. บริเวณเขาค้อการปฏิบัติฝ่ายเราสามารถยึดเขาค้อได้ภายใต้การ ยิงสนับสนุนของปืนใหญ่ จากฐานยิงสนับสนุนสมเด็จ (ฐานยิงสนับสนุนสมเด็จนี้เป็นฐานยิงของ พัน ป.3404 วัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์จาก ป.พัน 4 นครสวรรค์ และ ป.พัน 104 พิษณุโลก ฐานยิงสนับสนุนสมเด็จตั้งห่างจากเขาค้อ 7 กม.) ความสำเร็จนี้ทำให้เราได้ก่อสร้างทางและขยายอิทธิพลเข้ามาในดินแดน ผกค. อย่างรวดเร็ว
การ ที่จะเอาชนะ ผกค. ในเขตงานเขาค้อได้โดยเด็ดขาดนี้ จำเป็นต้องใช้กำลังฝ่ายเราที่มีทั้งหมดโจมตีฐานที่มั่นของ ผกค. บริเวณเขาห้วยทราย ทุ่งสะเดาะพง - เขาตะเคียนโง๊ะ - เขาปู่ และบ้านหนองแม่นา ดังนั้น พตท. 1617 จึงมีนโยบายเปิดยุทธการ "ผาเมืองเผด็จศึก 2" ขึ้นเพื่อโจมตีฐานที่มั่น ผกค. ดังที่กล่าวมาแล้ว เพื่อให้การยิงปืนใหญ่เป็นไปอย่างต่อเนื่องครอบคลุมพื้นที่ปฎิบัติการจำเป็น ต้องย้ายปืนจากฐานยิงสนับสนุนสมเด็จมาตั้งยิงบนเขาค้อ (ฐานยิงสนับสนุนอิทธิปัจจุบัน)
ได้ เคลื่อนย้าย ปกค. 115 มม. 1 กระบอก ได้ตั้งยิงเมื่อ 17 ก.พ. 2524 และเคลื่อนย้าย ปกค. 105 มม. แบบ XM 618 ที่ ศอว.ทบ. เป็นผู้ผลิตและให้ ป.พัน 4 ทดลองใช้ในสนามจำนวน 2 กระบอก ดังนั้น พตท. 1617 จึงเปิดยุทการ "ผาเมืองเผด็จศึก 2"
อาวุธ ปืนใหญ่ ขนาดกลาง กระสุนวิถีโค้ง 03 ขนาด 155 มม. ชื่อว่า พระยาตานี้และปืนใหญ่เขา กระสุนวิถีโค้ง 95 ขนาด 105 มม. ชื่อ อินทรีกลืนช้าง ที่ใช้เป็นฐานยิงสนับสนุนทำให้การยิงให้หน่วยดำเนินกลยุทธในพื้นที่จนสามารถ ยึดและทำลายที่มั่น ผกค. เขตงานเขาค้อได้อย่างสิ้นเชิง
ฐาน ยิงฯ แห่งนี้ทำการยิงให้หน่วยดำเนินกลยุทธ์ ในพื้นที่จนสามารถยึดและทำลายที่มั่น ผกค. งานเขาค้อได้อย่างสิ้นเชิง ต่อมาฐานยิงนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า "ฐานยิงสนับสนุนอิทธิ" เป็นอนุสรณ์แก่ พันเอกอิทธิ สิมารักษ์ ผช.ผอ. พตท 1617 ซึ่งเสียชีวิตจาการบัญชาการรบที่เขาค้อเพื่อนำผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตออกจาก พื้นที่การต่อสู้
การ สู้รบระหว่างกำลังทหารกับ ผกค. บริเวณเขาค้อ เขาย่า ทุ่งสะเดาะพง เขาปู่ และหนองแม่นา ยุติลงสิ้นเชิงในปี พ.ศ. 2525 นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่มิใช่ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งแต่เป็นของประชาชนชาวไทยทั้งปวงที่สามารถยุติความขัดแย้งและการใช้ กำลังอาวุธ ตัดสินปัญหามาสู่สันติและการร่วมมือกันพัฒนาประเทศ
ปัจจุบัน ฐานอิทธิ ได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงก่อสร้างเพิ่มเติมให้เป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธ โดยกองพันการปืนใหญ่ที่ 30 จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์การต่อสู้ของกองกำลังฝ่ายบ้านเมืองกับ ผกค.
พิพิธภัณฑ์ แห่งนี้ภายในอาคารมีการจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ และเสื้อผ้าสิ่งของต่าง ๆ ที่เป็นของนักรบไทย ของ ผกค. ไว้มากมายทั้งเครื่องยิงจรวด RPG-2 ของจีนแดง เครื่องแต่งกายของ พลท.ไพโรจน์ จันทร์อุไร แม่ทัพภาคที่ 3 ซึ่งใช้ในยุทธการ "หักไพรี" ตั้งแต่ 8 -18 ธ.ค. 24 และยุทธการ "ผาเมืองเกรียงไกร" ตั้งแต่ 9 พ.ค - 6 มิ.ย. 25 ขณะดำรงตำแหน่ง ผบ.ม.3 และ ผอ.พตท.33 เครื่องแต่งกายของ พล.อ.สีมา ปาณิกบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งใช้ในยุทธการ "ผาเมืองเผด็จศึก" ขณะดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 3 เมื่อปี 2521 - 2524

ชุด นักบินของ พล.อ.สุทร คงสมพงษ์ ที่ใช้ในยุทธการการรบที่เขาค้อ ร่มชูชีพพร้อมร่มช่วยที่ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ ใช้กระโดดที่บริเวณดอยเล่าอู่ ประเทศลาว
เครื่อง ใส่ซองกระสุนของปืนพก สายโยงเป้ พร้อมเข็มขัดสนามที่ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ ใช้ในการรบในยุทธการ "ผาเมืองเผด็จศึก" มีชุดปฏิบัติการของ ผกค. กลุ่มเขาค้อ รหัสเขตงาน เขต.33 รวมทั้งภายในอาคารยังมีป้ายจัดแสดงประวัติและเหตุการณ์ต่าง ๆ ในการรบไว้ให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาหาข้อมูล
ภาย นอกอาคารมีอาวุธยุทโธปกรณ์มาตั้งแสดงไว้มากมายทั้งปืนใหญ่ขนาดต่าง ๆ ซากเครื่องบินขับไล่เอฟ 5 ที่ถูกยิงตก รถสายพานลำเลียงที่ถูกยิงด้วยจรวด RPG จนชำรุดเสียหาย เฮลิคอปเตอร์ตรวจการและลำเลียงพล มีเครื่องบินตรวจการทางอากาศ มีรถแทรกเตอร์ D6 ที่ใช้ในการสร้างทางขยายอิทธิพลเข้ามาในดินแดน ผกค. มีศูนย์อำนวยการให้มาเข้าชมและติดต่อสอบถามได้
อนุสาวรีย์ จีนฮ่อ
หากกล่าวถึงสมรภูมิเขาค้อในอดีตซึ่งเป็นกำลังสำคัญอีกส่วนหนึ่งในการรบครั้งนั้น คือ พวกจีนฮ่อ
กอง พล 93 (ก๊กมินตั๋ง) ซึ่งอยู่ที่ดอยแม่สลอง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ได้ส่งกองกำลังทหาร จีนฮ่อ มาร่วมปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์พื้นที่เขาค้อ มีภารกิจคุ้มกันการสร้างทางทุ่งสมอ - เขาค้อ โดยบริษัทสร้างทางภานุมาศ
เหล่า ทหารที่อาสาร่วมรบ ได้สร้างอนุสรณ์ขึ้นเพื่อให้ระลึกถึงผู้เสียสละในช่วงนั้นที่ตั้งอยู่ อนุสาวรีย์ได้สลักรายชื่อของทหารที่เสียชีวิตและข้อความต่าง ๆ ไว้ด้วย
อนุสาวรีย์ จีนฮ่อ ทีระลึกของผู้เสียชีวิตจากผู้อาสาเข้าร่วมในการรบจากองพล 93 วันที่ 6 ก.พ. 2524 ได้รับคำสั่งปฏิบัติการในเขตพื้นที่ "เขาค้อ" จาก กม. 23 - 30 มีทหารจำนวน 64 นายได้ออกเคลียร์พื้นที่ 935 ทหารกล้าได้ปฏิบัติภารกิจอย่างกล้าหาญ และมีสติมั่นคงจนได้รับความสำเร็จในที่สุด เราจึงได้สร้างอนุสาวรีย์เพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตมีจำนวน 16 นาย
1. ร.ท.อุทัย เกิดศีล 9. ส.ท.หมินจง แซ่ซั่ง
2. ร.ต.มงสิท ตันติมา 10. ส.ท.อายต้า เกสุข
3. ร.ต.จือชัน แซ่จัง 11. ส.ท.สมชาย บุญขัง
4. ร.ต.ยินเซิน แซ่ฟุ 12. ส.ท.ตังธง กมลพา
5. ร.ต.กวางมึ๋น แซ่หลี 13. ส.ท.จะโท สีลากา
6. ส.อ.ไอควาย สงคว้า 14. ส.ท.อาพะ สินาลัย
7. ส.ท. ฝุชิน แซ่จัง 15. ส.ท.จ่าโต ขำขัน
8. ส.ท.อายเตา เกตมณี 16. ส.ท.นันเลียงลี ทองมี
ด้วย ความนับถือหน่วย 93 กองร้อย 445 เขาค้อ สถานที่ตั้งอยู่ เลย กม. ที่ 23 ของทางหลวงหมายเลข 2196 ไปเล็กน้อย หากมาจากสิมารักษ์จะอยู่ด้านขวามือจาก สภอ. เขาค้อจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ

อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ
เมื่อ เดินทางมาเยือนเขาค้อ ระยะทางเพียง 1 กม. เศษของทางขึ้นเขา ณ ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,174 เมตร อยู่ในเขตพื้นที่ หมู่ที่ 13 ต.ทุ่งสมอ อ.เขาค้อ เป็นยอดเนินเขาสูงสุดของเขาค้อเราก็มาถึงยอดเขาค้อที่มีหินอ่อนรูปทรงสาม เหลี่ยม ตั้งตะหง่านอยู่ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเสียสละของพี่น้องทหารหาญของชาติไทย ที่ต้องเสียสละทั้งชีพ และเลือดเนื้อเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ไว้ให้รอดพ้นจากภัยของผู้หลง ผิดคิดร้ายต่อ ประเทศชาติ
อนุสรณ์ แห่งนี้องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานให้เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2527 เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจคนไทยทั้งชาติว่า "ยามใดที่คนไทยขัดแย้งกัน จะต้องมีการสูญเสียอย่างผู้กล้า 1,171 ชีวิต จารึกกับองค์อนุสรณ์ จงอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก"
อนุสรณ์ แห่งนี้ สร้างโดยกองพันทหารช่างที่ 4 ออกแบบโดย ศาสตราจารย์ กฤษฎา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา ก่อสร้างโดยความร่วมมือและเงินบริจาคของประชาชนและ ข้าราชการทุกฝ่าย เป็นเงินประมาณ 6 ล้านบาท วัตถุประสงค์ของการจัดสร้างอนุสรณ์สถาน ผู้เสียสละเขาค้อ คือ
1. เพื่อเป็นการสดุดีและระลึกถึงวีรกรรมของประชาชนพลเรือน ตำรวจ และทหารที่ได้ปฏิบัติภารกิจในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์
2. เพื่อเป็นการระลึกถึงดวงวิญญาณของผู้กล้าหาญที่ได้เสียสละชีวิต และเลือดเนื้อเป็นแบบอย่างให้พี่น้องประชาชนชาวไทยได้ สำนึกว่าแผ่นดินนี้เป็นสมบัติของตนที่ต้อง หวงแหนและปกป้องรักษาไว้ยิ่งชีพ
3. เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามัคคี และการรวมพลังในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนมี ความรัก และเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
4. เพื่อเป็นสถานที่เคารพสักการะ และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ทั่วไป
สร้าง เป็นรูปสามเหลี่ยมเป็นหินอ่อนทั้งหมด ขนาดและรูปทรงของอนุสรณ์สถานนี้ มีความหมายแตกต่างกันคือ รูปสามเหลี่ยมหมายถึง การปฏิบัติการร่วมกันระหว่าง พลเรือน ตำรวจ ทหาร ฐานอนุสรณ์ ฯ กว้าง 11 เมตร หมายถึง พ.ศ. 2511 อันเป็นปีที่เริ่มการปฏิบัติการรุนแรงของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ความสูงจากแท่นบูชาถึงยอดอนุสรณ์ น สูง 24 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ. 2524 อันเป็นที่เปิดยุทธการครั้งใหญ่ ความสูงจากฐานถึงยอดอนุสรณ์ 25เมตร หมายถึงปี พ.ศ. 2525 อันเป็นปีที่สิ้นสุดการรบความกว้างฐานสามเหลี่ยมด้านละ 2.6 เมตร หมายถึงปี พ.ศ 2526 ซึ่งเป็นปีที่สร้างอนุสรณ์ ฯ แห่งนี้
ความ ปลื้มปิติที่มีต่อทหารกล้าผู้เสียสละนั้น เราไม่สามารถแสดงออกมาได้เกินกว่าความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจ "ชีวิตหนึ่งชีวิตก็มีค่าแค่เพียงความมีชีวิต แต่การสร้างคุณค่าให้กับชีวิตนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกที่จะสร้างคุณค่า ให้กับจิตใจในทิศทางใด" เราคงภาคภูมิใจอยู่ไม่น้อย ถ้าจุดสิ้นสุดแห่งชีวิตของเราต้องจบลงดั่งเช่นทหารเหล่านั้น
ใน บริเวณที่ใกล้กับอนุสรณ์สถานผู้เสียสละนั้น คือที่ตั้งฐานกรุงเทพ (ซึ่งเป็นชื่อเรียกขานทางวิทยุของร้อย 1741 ที่สามารถยึดยอดเขาค้อได้) ซึ่งแต่เดิมนั้นบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของ ผกค. แต่ฝ่ายเราก็สามารถยึดมาได้ด้วยความยากลำบาก เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2522 ปัจจุบันฐานกรุงเทพได้กลายเป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่ง
ผนัง ภายในมีการบันทึกประวัติอนุสรณ์ฯ รายชื่อวีรชนผู้เสียสละเพื่อประเทศชาติและได้มีการสลักบทกวีพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ความรักประเทศสู้ ยอมสละ
ทั้งร่วมและชีวะ ปลดเปลื้อง
รักษาอิสระ ภาพแห่ง ไทยแฮ
ยอยศสยามราชเรื้อง รัฐคุ้มอวสาน ฯ
รวม ทั้งรอยจารึกพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และ พระบรมวงศานุวงศ์ ที่ผนังหน้าทางเข้าอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไป ได้มาทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2526 โดยสร้างขึ้นโดยเงินบริจาคของประชาชนและข้าราชการทุกฝ่าย
พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ ได้เสด็จมาเป็นองค์ประธานการเปิดอนุสรณ์สถานแห่งนี้เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2527 เพื่อเตือนใจคนไทยทั้งชาติว่ายามใดคนไทยขัดแย้งกันจะต้องมีการสูญเสียอย่าง ผู้กล้าหาญ 1,171 ชีวิต ที่จารึกไว้กับองค์อนุสรณ์ จงอย่าให้เกิดเช่นนี้อีก
ทาง จังหวัดเพชรบูรณ์จึงได้กำหนดวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ของทุกปีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา เป็นวันสมโภชอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อแห่งนี้
ใน บริเวณใกล้เคียงกันยังมีฐานกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของทหารไทยในอดีต ซึ่งฐานกรุงเทพฯ มาจากชุดปฏิบัติการขึ้นมาประจำที่ฐานนี้ อาคารสิ่งก่อสร้างหลงเหลืออยู่บางส่วนก็ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ฐานกรุงเทพฯ มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภูกระดึง ภูเรือ และภูหินร่องกล้าด้วย บริเวณฐานแห่งนี้ได้สร้างศาลสิมารักษ์ ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ พันเอกอิทธิ สิมารักษ์
แสดงความคิดเห็น